ถึงแม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบจนเกิดปัญหาไปทั่วโลก แม้แต่ในวงการกีฬาก็ไม่เว้นจนทำให้บรรดานักกีฬาทุกชนิด ต้องร้างสนามซ้อมและไร้รายการแข่งขันกันมาอย่างยาวนาน แต่สำหรับจอมเตะสาวสวยชาวไทยอย่าง “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์วัฒนกิจ นักเทควันโดหญิงอันดับหนึ่งของไทยยังพอมีข่าวดีเข้ามาบ้าง เมื่อเธอถูกโหวตจากแฟนเทควันโดทั่วโลก ให้เป็นหนึ่งในสี่นักเทควันโดในดวงใจของพวกเขาในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา
โดยผลการโหวตครั้งนี้จัดทำขึ้นโดยสหพันธ์เทควันโดโลก ที่เปิดให้แฟนกีฬาทั่วโลกทำการโหวตนักกีฬาสี่อันดับ จากยอดนักเทควันโดทั้งหมด 16 คน โดยเลือกเอาสองอันดับแรกของคะแนนโหวตทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย (หญิง 2 ชาย 2) ซึ่งในฝ่ายหญิงนั้นเทนนิสซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในรุ่น 49 กิโลกรัม เข้าป้ายมาพร้อมกับ “เจด โจนส์” จากสหราชอาณาจักร เจ้าของ 2 เหรียญทองโอลิมปิก รุ่น 57 กิโลกรัม ส่วนในประเภทชายสองคนนั้นคือ อาหมัด อาบูกาอุช จากประเทศจอร์แดน และอี แด ฮุน หนุ่มหล่อจากเกาหลีเจ้าของแชมป์โลกสามสมัยนั่นเอง
เชื่อว่าการได้รับตำแหน่งจากการโหวตในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในแง่ของการเพิ่มขวัญและกำลังใจให้กับน้องเทนนิส ที่กำลังกลับมาทำการฟิตซ้อมร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกอย่างมาก หลังจากที่ต้องเก็บตัวตามมาตรการควบคุมการระบาดมาอย่างยาวนาน ซึ่งการแข่งขันโอลิมปิกที่โตเกียวในครั้งนี้ถือเป็นเป้าหมายสูงสุดของเจ้าตัว และวงการเทควันโดไทยเลยก็ว่าได้ เพราะยังไม่เคยมีนักกีฬาไทยคนใดที่สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้สำเร็จ แม้แต่ตัวเทนนิสเองก็เคยได้เพียงแค่เหรียญทองแดงเท่านั้นในปี 2016 ที่ริโอ และหลังจากนั้นเธอก็พัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นมาเรื่อยจนครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกในรุ่นตัวเองในปัจจุบัน ซึ่งหลาย ๆ ฝ่ายมองว่าถือเป็นโอกาสอันดีแล้วสำหรับเทควันโดไทย และตัวเทนนิสเองที่จะคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเหรียญแรกให้แก่เทควันโดไทยเสียที และผลจากการโหวตครั้งนี้ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเธอเอง รวมทั้งข่มขวัญคู่แข่งที่จะเจอเธอในโอลิมปิกได้ในระดับหนึ่งอย่างแน่นอน เมื่อบวกกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในบ้านเราที่เริ่มคลี่คลาย และกลับมาซ้อมได้เร็วกว่าคู่แข่งหลายประเทศ จะทำให้เทนนิสได้เปรียบพอสมควร และมีโอกาสไปสู่ความฝันสำเร็จสูงขึ้นไปอีก
ท่ามกลางข่าวร้ายมากมายที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ยังมีข่าวดีนี้ที่เข้ามาช่วยเพิ่มกำลังใจให้แก่เทนนิสและแฟนเทควันโดชาวไทยในปีนี้ และหวังว่าข่าวดีในครั้งนี้จะเป็นการต่อยอดไปสู่ข่าวดีที่ใหญ่กว่าในช่วงกลางปีหน้า สำหรับการคว้าเหรียญในฝันของเทนนิส และแฟนเทควันโดไทย เพื่อเป็นเหรียญประวัติศาสตร์และปลดล็อคให้กับนักเทควันโดไทยในโอลิมปิกได้เสียที
